Page 7 - land is life
P. 7
ที่ดินคือชีวิต ฝ่าวิกฤตที่ดินคนจน [ 7 ]
การตั้งเทศบาลวารินช าราบ ในปี พ.ศ. 2535 ท าให้ความเจริญค่อยๆ คืบคลานเข้ามาบริเวณนี้ผู้คนจาก
ชนบทห่างไกลที่ประสบปัญหาการท านาท าไร่ก็เสี่ยงโชควัดดวงย้ายถิ่นฐานเข้ามาหางานท า จนต่อมาราชการ
ื้
ุ
ประกาศให้จังหวัดอบลราชธานี เป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจเฉพาะ และพนที่เชื่อมโยงทาง
ุ
เศรษฐกิจกับประเทศเพอนบ้าน หรือให้อบลราชธานี เป็นประตูไปสู่อินโดจีน ไล่ยาวมาตั้งแต่คุนหมิง ในประเทศ
ื่
ี
จีน ผ่านพม่ามาไทย ผ่านเมืองหลักทางภาคเหนือมายังภาคอสาน จุดรวมอยู่ที่จังหวัดอบลราชธานี ก่อนแยกย้าย
ุ
ไปลาว เขมร และเวียดนาม
โครงการนี้กระตุ้นให้เกิดการตื่นตัว ต่อทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชนเป็นอย่างมาก พื้นที่ว่างเปล่าของ
รัฐที่ชาวบ้านอยู่อาศัยมานานกว่า 40 ปี ก็มีแผนที่จะน าไปพฒนา ส่วนเอกชนก็มีการกว้านซื้อที่ดินจาก
ั
ื่
ั
ชาวบ้าน เพอน าไปสร้างโรงแรม หรือตุนไว้รองรับการพฒนาตามโครงการดังกล่าว ชาวบ้านหลายชุมชน
นอนไม่หลับ เพราะกระแสการไล่รื้อชุมชนมีอยู่ตลอดเวลา
จากสถานการณ์ที่นายทุนเข้ามากว้านซื้อที่ดินจากชาวบ้าน ที่ดินของรัฐว่างเปล่าซึ่งชาวบ้านอาศัยอยู่
เดิม ก็เริ่มมีข่าวว่าจะน าไปใช้ประโยชน์ รองรับการขยายตัวของเมือง อันเนื่องมาจากโครงการเปิดประตูสู่อนโด
ิ
ั
จีน แผนการทั้งหมดถูกวางมาจากสภาพฒน์ฯ ที่กรุงเทพ โดยที่ชาวบ้านซึ่งเป็นผู้แปงบ้านแปงเมืองอยู่แต่เดิม
ไม่มีโอกาสมีส่วนร่วมในการจัดการกับชีวิตของตนเองเลยแม้แต่น้อย ประกอบกับก่อนหน้าประมาณ พ.ศ.2526
มีการพฒนาเมืองอบลราชธานี หลังไฟไหม้ครั้งที่ 3 ย่านเมืองเก่าวัดสงัด น าไปสู่แผนการรื้อย้าย ชุมชนย่านนั้น
ั
ุ
ทั้งหมด โดยมีนักธุรกิจอยู่เบื้องหลังท าให้คนกว่า 500 ครอบครัว ไร้ที่อยู่อาศัย ต้องหอบลูกจูงหลานไปหาที่อยู่
ใหม่
ถักทอคนจน ลุกขึ้นปกป้องบ้านเฮือน
ุ
ในช่วงต้นปี พ.ศ. 2541 นับเป็นก้าวที่ 2 ของชุมชนแออดเมืองอบลราชธานี ที่พฒนามาจากช่วงตั้ง
ั
ั
ื่
รกรากอาศัยแบบธรรมชาติ สู่การรวมกลุ่มกันเพอสร้างพลังแห่งการต่อสู้เรื่องสิทธิที่อยู่อาศัย โดยการ
ั
สนับสนุนการพฒนาของมูลนิธิพฒนาที่อยู่อาศัย นักพฒนาได้ลงท างานชุมชนแออดทั้งฝั่งอบลราชธานี และ
ั
ั
ุ
ั
วารินช าราบ เพอน าไปสู่การหนุนเสริมด้านความเข้มแข็ง จนกระทั่งชุมชนแออดจากทั้งสองเทศบาล ได้
ั
ื่
ื่
รวมตัวกันในนาม “เครือข่ายชุมชนแออดจังหวดอบลราชธานี” เพอร้อยเกี่ยวกิจกรรมของทั้ง 15 ชุมชน
ั
ั
ุ
ให้มีพลังมากขึ้น มีการหนุนเสริมซึ่งกันและกัน รวมทั้งได้มีการสร้างพลังใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น มีการเข้าร่วมเป็น
สมาชิก “เครือข่ายสลัม 4 ภาค” ซึ่งเป็นองค์กรชาวบ้านที่ต่อสู้การแก้ปัญหาชุมชนแออัดไปสู่ระดับนโยบาย
ั
การส ารวจข้อมูลชุมชนแออดอบลราชธานี ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากส านักงานพฒนาชุมชนเมือง
ั
ุ
(พชม.) การเคหะแห่งชาติ ท าให้ทราบรายละเอยดของข้อมูลและปัญหาที่จะน าไปสู่การวางแผนพฒนา
ั
ี
พบว่า แต่ละชุมชนมีความถนัดและศักยภาพที่ต่างกันออกไป ท าให้กิจกรรมของชุมชนแต่ละแห่งมีความ
หลากหลายตามสภาพของปัญหา เช่น ชุมชนลับแล จะเน้นเรื่องเยาวชนต้านยาเสพติด ชุมชนเกตุแก้วและ