Page 10 - pangnga of happiness
P. 10
8 9
คำานิยม เรื่องการรับมือสึนามิ ที่มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (โดย นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์
เลขาธิการ) ตัดสินใจให้การสนับสนุนงบประมาณอย่างรวดเร็ว รัดกุม และม ี
ประสิทธิภาพ
คนท่ไม่ร้จักความทุกข์จะเติบโตอย่างม่นคงไม่ได้ฉันใด สังคมท่ไม่ร้จัก
ู
ี
ั
ี
ู
ความทุกข์ร่วมกันก็ไม่มีชีวิตในอนาคตฉันนั้น ข้อคิดนี้มาจากการที่ความเจริญ
ึ
และการแพทย์สมยใหม่ ทาให้เราทงหลายอย่ห่างไกลความตายกันมากข้น
้
ั
ู
ั
ำ
ความเจริญจากเทคโนโลยีทาให้เราได้รับความสะดวกสบายมากมายในชีวิต
ำ
ประจำาวัน ทั้งการแพทย์และเทคโนโลยีทางวัตถุมีผลต่อเรา จนรู้สึกเคยชินไป
ว่า ความสะดวกสบาย “เป็นธรรมชาติ” การอยู่ไกลความตาย และห่างไกล
ื
ู
ื
ผมร้จักพังงาผ่านเร่องราวความสวยงามของเกาะ เพราะมีเพ่อนเคย ความทุกข์ “เป็นธรรมชาติ” สภาพความเคยชินอย่างนี้ทำาให้เราลืมตาย และ
ทำางานด้านธุรกิจที่นั่นเล่าให้ฟัง แต่ที่เรียนรู้ “พังงา” จริงๆ ครั้งแรกนั้นมาจาก ลืมการร่วมทุกข์ในชีวิตที่ต้องเผชิญบนผืนพิภพเดียวกันไป
ี
ี
่
ื
ั
่
ู
ั
่
ี
ี
ิ
สนามิ-อทกภยอนยงใหญในปลายเดอนธนวาคมป พ.ศ. 2547 ไมกสปดาห ์ ประสบก�รณ์ท่ได้เรียนร้จ�กบทเรียนพังง�กับสึน�มิ และท่ได้เรียน
ุ
ั
ั
่
ึ
ิ
หลงจากเกดภัยพบตมหาสมทรครงแรกทประเทศไทยรจัก ผมมโอกาสลงพนท ่ ี รู้จ�กคุณไมตรีม�หล�ยปีต่อเนื่องทำ�ให้ผมสรุปว่� “ชีวิตจริง” นั้น ขึ้นอยู่
ั
ิ
ู
ี
้
้
ื
ุ
ั
ั
้
ี
่
ิ
ที่บ้านน้ำาเค็ม วัดบางม่วง และในจุดสำาคัญๆ อื่น กับก�รรู้จัก (รับมือกับ) คว�มทุกข์ และสังคมจะมีสุข “ได้” ต้องเติบโตไป
สิ่งที่สะเทือนใจคือ ความร้ายแรงของภัยพิบัติ ผลกระทบต่อบ้านเรือน ท่�มกล�งก�ร “ร่วมทุกข์กันได้”
ำ
ำ
ี
ี
ชีวิตผ้คน และสภาพแวดล้อม ลักษณะนานาชาติและหลากหลายวัฒนธรรม คุณไมตรีเป็นคนสาคัญท่ทาให้ผมสัมผัสกับสิ่งท่วิชาการเรียกกันว่า
ู
ของหมู่คนผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกัน และเหนือไปกว่านั้นคือ ปฏิกิริยาของคน Social Resilience (อ่านว่า โซเชียลเรซิเลียนซ์) อย่างเป็นรูปธรรม เพราะเขา
และสังคมต่อเร่องร้ายแรงเหล่าน้ ในท�มกล�งผ้คนท่ผ�นพบในสถ�นก�รณ ์ สูญเสียคุณพ่อและบุคคลอันเป็นท่รักในครอบครัวใกล้ชิดไปเกือบ 30 คนใน
ู
ื
ี
่
่
ี
ี
้
ั
่
ั
ื
้
ู
ั
้
็
่
ี
ั
่
ั
ิ
ยุ่งเหยิงและโกล�หลหลังเหตุก�รณ์สึน�มิ มีบุคคลหล�ยคนที่ได้รู้จักและ ภยพบติครงนน แตทามกลางความโศกเศราจากความสญเสยกตดใจชวยเหลอ
ั
ื
ี
ู
ยังไม่เคยลืม โดยเฉพ�ะคุณไมตรี จงไกรจักร แห่งบ�นนำ�เค็ม เป็นคนหน่ง ึ ผ้ท่ประสบเคราะห์กรรมคนอ่นๆ นับแต่น้นเป็นต้นมา กล่าวได้ว่าประสบการณ ์
้
ำ
ู
ื
ท่มีคว�มพิเศษไม่เหมือนไคร เป็น “ครู” ท่ไม่มีสังกัด แต่กล�ยเป็นคน และคุณสมบัติบางประการในตัวและในชีวิตทาให้ “ผ้ตกเป็นเหย่อ” (ผู้ถูก
ี
ี
ั
ี
ุ
ู
ำ
ู
่
ี
สำ�คัญท่สุดท่กระต้นคว�มร้สึกนึกคิดของผมตอนน้น จนผมได้ข้อคิดว� กระทา) แปรสภาพตนเองกลายไปเป็น “ผ้กระทา” ต่อสถานการณ์ได้อย่าง
ำ
ื
้
ู
ก�รรับมือของผ้คนและสังคมต่อเร่องภัยพิบัติร�ยแรงเป็นประวัติก�รณ ์ น่าสังเกตและพิเคราะห์ยิ่ง ประสบการณ์ชีวิตหลายๆ ปีที่เลือกเอง ทำาให้คุณ
็
ั
ั
ุ
ี
้
ำ
ู
ั
ั
ิ
ั
ั
ื
็
่
ี
ี
น้กระมังท่น�จะเป็นบทเรียนชุดใหญ่ท่สำ�คัญย่งของตนเอง ส่งสาคัญ ไมตรได้กลายเปนอาสาสมครระดบผนา เปนนกพฒนาชมชนรบมอภยพบัต ิ
ี
ำ
ิ
ิ
ิ
ำ
อย่างน้อย 2 เรื่องที่ตอนนั้นตัดสินใจทำาคือ การนำานิสิตในวิชา “สังคมวิทยา ตัวยง และเป็นนักบริหารจัดการด้านสังคมคนสาคัญย่งในภาคประชาชนและ
ชนบท” ที่ผมรับผิดชอบลงศึกษาภาคสนามในพื้นที่ และดำาเนินโครงการวิจัย ของภาคประชาสังคมของเมืองไทย